Thailandbest10

10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ กรองอากาศดีเยี่ยม ยี่ห้อไหนดี ปี 2022

ในปัจจุบันมีอากาศเสีย กลิ่นควัญ ฝุ่นควัญ และฝุ่น PM 2.5 อยู่รอบตัวเต็มไปหมด แม้กระทั่งในบ้านเราเองที่คิดว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสะอาดที่สุดก็ยังหนีไม่พ้น แค่นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ก็สามารถสูดดมเอาอากาศเสียเข้าปอดกันได้ง่าย ๆ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะในปัจจุบันมีนวัตกรรมดี ๆ ที่เรียกว่า “เครื่องฟอกอากาศ” มาช่วยกรองอากาศในบ้านของเราให้สะอาดขึ้นได้ เครื่องฟอกอากาศ นอกจากจะสามารถกรองฝุ่นธรรมดาได้แล้ว หลาย ๆ ตัวยังสามารถกรองได้แม้กระทั่งฝุ่น PM 2.5 ทั้งยังกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย คุณสมบัติขนาดนี้พ่อบ้านแม่บ้านควรจะหามาติดบ้านไว้สักตัว เพื่อสุขอนามัยที่ดีของสมาชิกในครอบครัวครับ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ละบ้าน ในปัจจุบันจึงมีเครื่องฟอกอากาศมากมายหลายยี่ห้อ หลายขนาด หลายสไตล์ให้เลือกกัน แล้วจะเลือกตัวไหนดีให้เหมาะกับบ้านของเราล่ะ ในบทความนี้มีคำตอบครับ เพราะเราได้คัดสรรเครื่องฟอกอากาศ 10 อันดับ ที่ดีที่สุด สำหรับใช้ในบ้าน กรองฝุ่นดีเยี่ยม ไว้ให้ทุกคนตัดสินใจในการซื้อได้ง่ายขึ้น ไปดูกันครับว่าจะมีตัวไหนบ้าง

เครื่องฟอกอากาศ

10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ ที่ดีที่สุด กรองอากาศดีเยี่ยม ฉบับล่าสุดปี 2022

1. Philips รุ่น AC0820/20

สินค้าPhilips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC0820/20
ขนาด25 x 36 x 25 ซม.
ระดับเสียงรบกวน35-61 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม16-49 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า2 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด เข้าได้กับแทบทุกพื้นที่
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • ระบบกรองอากาศอัตโนมัติ
  • มีไฟแสดงสถานะค่าอากาศ
  • มีโหมด Sleep
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • ยังไม่พบข้อเสีย


Philips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC0820/20
มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคขนาดนาโนที่เล็กกว่า 0.003 ไมครอน (เล็กกว่าขนาด PM2.5 ถึง 800 เท่า) ระบบอัจฉริยะกรองอากาศอัตโนมัติ จะทำการตรวจวัดคุณภาพ และทำงานทันทีเมื่อพบความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในอากาศ มีไฟแสดงคุณภาพอากาศด้วย 4 ระดับสีแบบเรียลไทม์ ขนาดกะทัดรัด กรองอากาศด้วยระบบหมุนวนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ มีโหมดอัตโนมัติและโหมดความเร็วแบบกำหนดเอง มีโหมด Sleep ไฟแสดงสถานะจะลดความสว่างลง และการทำงานของเครื่องฟอกอากาศจะทำงานอย่างเงียบพิเศษ

2. Smarthome รุ่น AP-180

สินค้าSmarthome เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AP-180
ขนาด33 x 22 x 50 ซม.
ระดับเสียงรบกวนไม่ได้แจ้ง
ขนาดห้องที่เหมาะสม20-35 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า3 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • สั่งงานด้วยรีโมทคอลโทรลจากระยะไกลได้
  • มีระบบตั้งเวลา
  • มีโหมด Sleep
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • หน้าจอแสดงสถานะค่าอากาศ
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง

 
Smarthome เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AP-180 ระบบสั่งงานด้วยรีโมทคอลโทรลจากระยะไกล กรองอากาศแบบ 360 องศารอบทิศทาง ใส้กรองแบบผสาน เก็บกักฝุ่นและดักจับกลิ่น ใส้กรอง HEPA แผ่นกรองขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพในการกรองสูง หมดกังวลกับฝุ่นล่ะออง PM 2.5 /แบคทีเรีย /ไรฝุ่น/ก๊าซที่ปล่อยจากอุตสาหกรรม/ สารฟอร์มาดีไฮด์/ ละอองเกสรและสารก่อภูมิแพ้ /กลิ่นควันจากการประกอบอาหาร/ ควันจากบุรี่ ที่อยู่รอบ ๆ ปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ระบบหน้าจอสัมผัส หน้าจอแสดงผลการทำงานอัตโนมัติ สามารถตั้งเวลาได้ 1-12 ชั่วโมง มีโหมดการ sleep เพื่อป้องกันเสียงและแสงรบกวนการนอนหลับ นอกจากนี้หน้าจอยังสามารถแสดงสถานะค่าอากาศได้ด้วย

3. 3M Filtrete รุ่น Ultra Slim FAP04

สินค้า3M Filtrete เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Ultra Slim FAP04
ขนาด17 x 23 x 4 นิ้ว
ระดับเสียงรบกวน52 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม16-32 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็ก บาง ทำให้ประหยัดพื้นที่ไม่ว่าจะวางหรือแขวน
  • มีระบบตั้งเวลา
  • มีเซนเซอร์เตือนเมื่อถึงเวาเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง


3M Filtrete เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Ultra Slim FAP04
มาพร้อมที่แขวนผนังสำหรับพื้นที่จำกัดเพื่อประหยัดเนื้อที่ รูปทรงบางเฉียบเพียง 4 นิ้ว มีฟิลเตอร์ผ่านการชาร์จประจุไฟฟ้าสถิตแบบถาวร ทำหน้าที่เสมือนแม่เหล็กที่ดูดสารก่อภูมิแพ้และมลพิษในอากาศ สามารถดักจับอนุภาคในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร สปอร์ และแบคทีเรีย ขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอน เสียงเงียบมาก ถ้าให้เปรียบเทียบก็เท่ากับเสียงหายใจ ทำให้นอนหลับได้สนิทเพราะแทบไม่มีเสียงรบกวนใด ๆ สามารถตั้งเวลาการทำงานได้ และยังมีไฟเซนเซอร์สำหรับแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศด้วย

4. Sharp รุ่น FP-J30TA-P

สินค้าSharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA-P
ขนาด41.1 x 43.1 x 21.1 ซม.
ระดับเสียงรบกวน23-44 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม23 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า2 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • มีระบบตั้งเวลา
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง


Sharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA-P
มาพร้อมกับระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ พ่นอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบ สามารถฆ่าเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียในอากาศ เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 และสลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น สามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ พร้อมทั้งมีไฟสัญลักษณ์แจ้งเตือนให้เปลี่ยนแผ่นกรอง ดีไซด์สวยด้วยขอบโค้งมน สามารถเลือกปรับความแรงในการทำงานของเครื่องได้ 3 ระดับ และสามารถเลือกเปิด / ปิด การทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ได้ รวมถึงสามารถตั้งเวลาปิดเครื่องได้ 4 หรือ 8 ชั่วโมง เล็กพริกขี้หนูครับ

5. TCL Breeva รุ่น TH270

สินค้าTCL Breeva เครื่องฟอกอากาศ รุ่น TH270
ขนาด53 x 32 ซม.
ระดับเสียงรบกวนไม่ได้แจ้ง
ขนาดห้องที่เหมาะสม25-35 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • มีระบบตั้งเวลา
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • หน้าจอแสดงสถานะค่าอากาศแบบเรียวไทม์

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง


TCL Breeva เครื่องฟอกอากาศ รุ่น TH270
ดีไซด์เรียบง่ายแต่ดูหรู ใส้กรองสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้มากถึง 99.97% อนุภาคเล็กกว่า 0.3 ไมครอน สามารถดักจับสิ่งสกปรกในอากาศที่มีขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น ใยผ้า สำลี เส้นผม และขนของสัตว์เลี้ยง สามารถกรองฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ เช่น ละอองเกสร ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ก็สามารถดักจับได้ สามารถดูดซับควันและกลิ่นต่าง ๆได้เป็นอย่างดี เช่น ไอเสียจากรถยนต์ ฟอร์มาลดีไฮด์ ก๊าซพิษอื่นๆ ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าจอแสดงคุณภาพอากาศแบบเรียวไทม์ เซนเซฮร์ตรวจจับมลพิษแบบอัตโนมัติ พร้อมไฟแสดงสถานะอากาศแบบดิจิตัล สามารถเลือกระดับคามแรงและโหมดการทำงานได้

6. Philips รุ่น AC1215

สินค้าPhilips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
ขนาด54.1 x 32.5 x 21.1 ซม.
ระดับเสียงรบกวนไม่ได้แจ้ง
ขนาดห้องที่เหมาะสม21 - 63 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า2 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • โหมด NightSense ฟอกอากาศให้สะอาดได้เงียบ
  • สามารถกรองก๊าซอันตรายได้
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • มีล็อคกันเปิดป้องกันการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • หน้าจอแสดงสถานะค่าอากาศแบบเรียวไทม์

  ข้อเสีย :

  • ยังไม่พบข้อเสีย


Philips เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AC1215
ระบบสัมผัส มาพร้อมกับโหมด NightSense ฟอกอากาศให้สะอาดได้เงียบและต่อเนื่องยิ่งขึ้นในระหว่างการนอนหลับ สามารถขจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.02 ไมครอน และยังสามารถกรองก๊าซอันตราย เช่น ก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์และสารประกอบอินทรีย์ระเหยได้ โหมดอัตโนมัติพิเศษช่วยขจัดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระดับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) Healthy Air Protect Alert ช่วยให้คุณทราบได้ทันทีเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแผ่นกรองใหม่ ล็อคกันเปิดป้องกันการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าโดยไม่ได้ตั้งใจ และยังมีการแสดงคุณภาพอากาศเรียลไทม์

7. Xiaomi รุ่น 3C

สินค้าXiaomi เครื่องฟอกอากาศ รุ่น 3C
ขนาด52 x 24 x 24 ซม.
ระดับเสียงรบกวน35-61 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม22-38 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • ควบคุมด้วยการเชื่อมต่อไวไฟ ด้วยแอป Mi Home
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • มีโหมดการทำงานหลายแบบ

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง


Xiaomi เครื่องฟอกอากาศ รุ่น 3C
มาพร้อมกับระบบการเชื่อมต่อแบบไวไฟ การควบคุมอัจฉริยะด้วยแอป Mi Home ฟิลเตอร์ True HEPA ที่ติดตั้งเพื่อกำจัด 99.99 % ของอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.1 ไมครอนจากอากาศ หน้าจอสัมผัสแบบ OLED พร้อมคุณภาพอากาศและสถานะการทำงาน ระบุแบบเรียลไทม์ ใช้งานง่ายแม้ในตอนกลางคืน มีหลายโหมดให้เลือกใช้งาน และยังสามารถปรับระดับความแรงได้ถึง 3 ระดับ

8. Smart Air รุ่น The Sqair (HEPA)

สินค้าSmart Air เครื่องฟอกอากาศ รุ่น The Sqair (HEPA)
ขนาด30 x 30 x 37 ซม.
ระดับเสียงรบกวน23-54 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม40 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • ฟังชั่นไม่เยอะ
  • ไม่มีหน้าจอแสดงผลค่าอากาศ


Smart Air เครื่องฟอกอากาศ รุ่น The Sqair (HEPA)
มาพร้อมกับดีไซด์สุดมินิมอล ดูดีทันสมัย สามารถกรองฝุ่นจากขนสัตว์ ไวรัส ฝุ่นควัญ และแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี และยังสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 0.01 ไมครอน

9. Xiaomi รุ่น Pro H

สินค้าXiaomi เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Pro H
ขนาด73.8 x 31 x 31 ซม.
ระดับเสียงรบกวน34.1 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม72 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • หน้าจอแสดงสถานะค่าอากาศ
  • มีโหมดหลายโหมดให้เลือกใช้งาน
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • มีระบบป้องกันเด็ก
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • เครื่องค่อนข้างใหญ่ จึงไม่เหมาะกับพื้นที่จำกัด


Xiaomi เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Pro H
ใช้งานกับห้องขนาดใหญ่ถึง 72 ตารางเมตร กรองอากาศ 360 องศา ด้วยไส้กรองถึง 3 ชั้น สามารถกำจัดไรฝุ่น เชื้อโรค และแบคทีเรีย สามารถกรองก๊าซอันตราย สารฟอร์มาลดีไฮด์ (TVOC) เปลี่ยนเป็นอากาศบริสุทธิ์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถดูดซับกลิ่นดับได้เป็นอย่างดี ใหม่หน้าจอ OLED ระบบสัมผัส สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งาน ใช้งานโหมด Auto/Sleep/Favorite และยังสามารถปรับแรงดูดอากาศได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับโหมด Kids Lock เพื่อป้องกันเด็กมากดตัวเครื่อง  ใช้งานผ่านแอพ Mi Home

10. Sharp รุ่น FP-J30TA

สินค้าSharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA
ขนาด41.1 X 43.1 X 21.1 ซม.
ระดับเสียงรบกวน23-44 เดซิเบล
ขนาดห้องที่เหมาะสม23 ตารางเมตร
การรับประกันสินค้า1 ปี

  ข้อดี :

  • ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้เยอะ
  • ดักจับฝุ่นได้ทุกชนิด
  • สามารถเลือกระดับการทำงานได้
  • ระดับเสียงรบกวนน้อย

  ข้อเสีย :

  • ไม่เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง


Sharp เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA
มาพร้อมกับระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น พ่นอนุภาคบวกและลบ สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ PM 2.5 ถึง PM 0.3 แผ่นกรองฝุ่น HEPA ดักจับฝุ่นละอองต่างๆที่มีขนาดเล็ก0.3ไมครอนได้ถึง 99.97%และดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทดสอบแล้วว่าสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ ทำงานแบบ ION SHOWER ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย

เครื่องฟอกอากาศ เลือกอย่างไร เครื่องไหนดีที่สุด

ก่อนจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมาไว้ในบ้านสักตัว คุณจะเลือกจากอะไร ทราบหรือไม่ว่าเครื่องฟอกอากาศมีระบบการทำงานอย่างไร แล้วต้องเลือกแบบไหนให้เหมาะกับไลฟสไตล์ของคุณ สละเวลาอ่านสักนิดก่อนตัดสินใจครับ

  • เครื่องฟอกอากาศคืออะไร?
  • ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
  • วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศคืออะไร?

เครื่องฟอกอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถช่วยกรองสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นธรรมดา, ฝุ่น PM 2.5, ควัญและกลิ่นควัญ, กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ, แบคทีเรีย, ไวรัส และเกศรดอกไม้ ที่สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้และโรคต่าง ๆ ได้ เครื่องกรองอากาศทำงานโดยการใช้หลักการดูดอากาศเสียเข้าไป จากนั้นก็ดักจับสิ่งแปลกปลอมด้วยแผ่นกรองฆ่าเชื้อโรคหรือกำจัดกลิ่นด้วยระบบที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น จากนั้นก็จะปล่อยอากาศที่บริสุทธิ์ออกมา

ระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ

 ในบทความนี้จะแยกระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศหลัก ๆ ออกเป็น  5 ระบบ ไม่รวมฟังชั้นการทำงานที่แยกออกไปอีกมากมายแล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ

  1. Air filters
    Air filters หรือแผ่นกรองอากาศ มีหน้าที่กรองหรือดักจับฝุ่น แบคทีเรีย เกศร กลิ่น และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ มลพิษต่าง ๆ เหล่านี้สามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้และโรคต่าง ๆ ขึ้นได้ เพราะฉนั้น Air Filters คือระบบหลักอันดับแรกของเครื่องกรองอากาศ มีหลายประเภท มีทั้งแบบที่ทำจากกระดาษ เส้นใย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่แบบที่อุตสาหกรรมนิยมนำมาใช้มากที่สุดคือ HEPA หรือ High Efficiency Particulate Air เป็นประเภทที่ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กอย่างน้อย 0.3 ไมครอน และมีประสิทธิภาพในการดักจับได้ไม่น้อยกว่า 99.97% อายุเฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 3-5 ปี ด้วยคุณสมบัติขนาดนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด
  1. Electrostatic Precipitator
    Electrostatic Precipitator
     เป็นระบบการกรองอากาศโดยการใช้หลักไฟฟ้าสถิต ทำงานโดยการปล่อยประจุไฟฟ้าลบออกมาจับฝุ่นละอองหรืออนุภาคขนาดเล็กที่เป็นประจุบวกให้เป็นกลุ่มก้อน เพื่อทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วตกลงสู่พื้น ไม่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ เป็นระบบฟอกอากาศ ที่ไส้กรองสามารถถอดล้างทำความสะอาดได้บ่อยครั้งตามที่ต้องการ จึงไม่เป็นที่สะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค
  1. Gas-phase air filters
    Gas-phase air filters
     เป็นระบบการกรองกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เป็นตัวกรองที่ใช้ในการกำจัดมลพิษที่เป็นกลิ่นไอ ก๊าซและสารระเหยโดยเฉพาะ โดยมีสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการดูดซับมลพิษเป็นตัวช่วยในการทำงานของระบบ ทำให้กลิ่นในอากาศบริสุทธิ์ขึ้น จึงนิยมนำมาใช้กับพื้นที่ที่มีกลิ่นระเหยและก๊าซมากที่สุด 
  1. Ozone generator
    Ozone generator
     เป็นระบบที่ใช้แสงยูวีหรือการปล่อยกระแสไฟฟ้าในการสร้างโอโซน มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยับยั้งไวรัส ได้ทั้งบนพื้นผิวต่างๆ หรือที่ลอยอยู่ในอากาศ และในน้ำ เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบ Ozone generator จึงมีความสามารถในการยับยั้งหรือฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้
  1. UV Light
    UV Light
     เป็นระบบที่นำรังสีอัลตราไวโอเลตมาใช้ในการกำจัดเชื้อโรคต่าง ๆ จุดหลักๆของการนำ UV มาใช้งานนั้นก็คือประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไว้รัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนสิ่งที่เราจะได้ตามมานั้นก็คือการกำจัดกลิ่นอับต่าง ๆ ที่เกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งแสง UV สามารถกำจัด และลดต้นเหตุของปัญหาได้

วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ

  1. เลือกจากขนาดห้อง
    ในปัจจุบันอุตสาหกรรมเครื่องฟอกอากาศได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีหลายแบบหลายขนาดให้เลือก แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่การเลือกแบบและขนาดของเครื่องฟอกอากาศ หากแต่เป็นการเลือกตามขนาดห้อง เลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับห้องหรือพื้นที่ที่จะติดตั้ง เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการทำงานครอบคลุมพื้นที่ที่แตกต่างกัน
  1. เลือกจากระบบการทำงาน
    ให้เลือกตามคุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ ว่าตอบโจทย์และตรงกับความต้องการในการใช้งานของเราหรือไม่ หากเป็นไปได้ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี เฮปป้า ฟิลเตอร์ (HEPA filter) เนื่องจากแผ่นกรองตัวนี้สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้ และยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่าตัวอื่นด้วย
  1. เลือกจากฟังชั่นเสริม
    นอกจากระบบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างที่มาพร้อม ๆ กับการเลือกระบบการทำงานคือ ฟังชั่นการทำงานนั้นเอง ฟังชั่นการทำงานที่ผมกำลังพูดถึงนี้หมายถึงฟังชั่นเสริม เช่น หน้าจอแสดงผลค่าอากาศอัตโนมัติ ระบบป้องกันเด็ก ฟังชั้นการสั่งงานจากระยะใกล และอีกมามายหลายฟังชั่นที่เครื่องฟอกอากาศแต่ละตัวมีแตกต่างกันออกไป
  1. เลือกจากค่า Airflow
    Airflow เป็นตัววัดความเร็วลม จากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดเข้าไปและเวลาในการปล่อยอากาศออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ หากเครื่องฟอกอากาศมีค่า Airflow สูงก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้เร็วนั่นเอง
  1. เลือกจากค่า CADR ย่อมาจาก
    Clean Air Delivery Rate เป็นอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ต่อนาที ซึ่งเป็นค่าสากลที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ยิ่งมีค่า CADR สูงมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่าเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเท่านั้น

  2. เลือกจากการใช้ไฟฟ้า
    หมายถึงเลือกตัวที่กินไฟน้อยที่สุด เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเปิดใช้เป็นเวลานาน หากเลือกไม่เลือกดูการใช้พลังงานดี ๆ อาจจะได้จ่ายค่าไฟกันบานเลยนะครับ
  1. เลือกจากระดับเสียง
    การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีเสียงรบกวนน้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเราใช้เครื่องฟอกอากาศในตอนกลางคืนด้วย หากมีเสียงรบกวนมากก็จะเป็นการรบกวนการนอนพักผ่อนไปด้วย
  1. เลือกจากราคา
    สุดท้ายคือการเลือกจากราคา เนื่องจากแต่ละบ้านงบประมาณไม่เท่ากัน จึงขอแนะนำว่าให้เลือกจากประสิทธิภาพและความสามารถของเครื่องฟอกอากาศที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นก่อนสัก 3 ตัว จากนั้นให้นำทั้งหมดมาเปรียบเทียบราคากัน จ่ายตัวไหนไหวก็ให้เลือกตัวนั้น แล้วคุณจะได้เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณครับ

สรุป

เครื่องฟอกอากาศทั้ง 10 ตัวนี้ เราไม่ได้จัดอันดับจาก 1-10 แต่อย่างใด เนื่องจากแต่ละคนแต่ละบ้านมีความแตกต่างกัน ลักษณะการใช้งานเครื่องฟอกอากาศจึงมีความแตกต่างกันไปด้วย เพราะฉนั้นทางทีมงานจึงได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุด มีลักษณะการใช้งานหลากหลาย และมีคุณภาพมาไว้ในบทความนี้ เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อตามลักษณะการใช้งานของแต่ละบ้านได้ง่ายขึ้นครับ เครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดต้องเลือกจากความเหมาะสมกับการใช้งาน เลือกจากขนาดของห้อง ฟังชั่นที่ต้องการ และงบประมาณก็สำคัญครับ